สำหรับรถเกียร์ธรรมดา ถ้าเป็นรถเกียร์อัตโนมัติควรเปลี่ยนทุก 50, 000 กม. ส่วนน้ำมันเบรคควรเปลี่ยนทุก 40, 000 กม. ไม่ควรใช้น้ำมันเบรคที่เปิดฝาไว้แล้วเกินกว่า 1 ปี เนื่องจากน้ำมันเบรคเป็นสารดูดความชื้น น้ำมันเบรคอาจเสื่อมสภาพเนื่องจากจุดเดือดลดลง ส่งผลให้น้ำมันเบรคเดือดได้ง่ายเมื่อใช้งานเบรคอันจะมีผลต่อประสิทธิภาพการเบรค หมั่นตรวจเช็คน้ำมันเบรคเป็นประจำนะครับ เพราะถ้าคุณไม่ตรวจเช็คเกิดระบบเบรคมีปัญหา ติดขัดขึ้นมา อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้นะครับ ปลอดภัยไว้ก่อนเชื่อผม และคุณจะได้ขับรถยนต์ได้อย่างปลอดภัยไรกังวล เรื่อง: ณัฐพล เดชสิงห์ เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่
มันจะช่วยไหลเวียนน้ำมันเกียร์ไปทั่วระบบและให้แน่ใจว่าคุณอ่านค่าได้ถูกต้อง 6 ตรวจระดับน้ำมันเกียร์อีกครั้ง. คุณอาจไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมันเกียร์เพิ่ม แต่ถ้าต้องทำ คุณจะต้องค่อยๆ รินมันลงไปแทนที่จะเทลงไปหมดในคราวเดียว และรถยนต์ส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการเกิน 1 ไพต์ (0. 5 ลิตร) 7 เอาก้านวัดใส่กลับคืนในรูเกียร์และให้แน่ใจว่ามันแน่นอยู่กับที่.
ติดตามข้อมูลข่าวสาร บริการ ด้านสุขภาพในทุกมิติ เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @healthserv โปรดเข้าใจว่า ไม่ได้เป็นสถานพยาบาล ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการวิชาชีพด้านแพทย์ใดๆ จึงไม่สามารถให้คำปรึกษาในด้านการแพทย์ การรักษาใดๆ ได้ในทุกๆ กรณี - เป็นสื่อที่เสนอเนื้อหาด้านสุขภาพ ได้แก่ บทความ ข่าวสาร รวมถึง ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับแพคเกจ/บริการจาก รพ. /สถานพยาบาล/ผู้ให้บริการต่างๆ ในประเทศไทย เท่านั้น รายละเอียดเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับบริการ-ราคา-เงื่อนไข-วิธีการบริการ โปรดสอบถามไปยังรพ. /สถานพยาบาล/ผู้ให้บริการนั้นๆ โดยตรง (ในส่วนของ รพ. /สถานพยาบาล/ผู้ให้บริการ นั้น HealthServ ช่วยได้ในแง่ของข้อมูลติดต่อ สถานที่ตั้ง หรืออื่นๆ ที่เป็นข้อมูลทั่วไป)
ถ้าคุณตรวจน้ำมันเกียร์ตอนมันยังเย็น เช่นไม่ได้ขับไปไหนหรือไม่ได้เข้าเกียร์ตลอดทุกตำแหน่ง การตรวจด้วยก้านวัดอาจจะไม่ได้ให้ค่าที่แม่นยำ มันจะได้ค่าดูเหมือนกับคุณมีน้ำมันเกียร์มากเกินไป ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยการเข้าเกียร์ทุกตำแหน่งจะช่วยไหลเวียนน้ำมันเกียร์ได้สม่ำเสมอทั่วๆ กัน 3 ในระหว่างที่จอดรถไว้บนพื้นผิวที่ราบเรียบเสมอกัน ให้เปิดฝากระโปรงและมองหาก้านวัดน้ำมันเกียร์.