ในบางครั้ง เราจะพบว่า เมื่อทำการใส่แรมเพิ่ม หรือเปลี่ยนแรมใหม่ ระบบวินโดวส์กลับมองไม่เห็นแรมใหม่ที่เราใส่เพิ่มเข้าไป หรือเห็นแต่ใช้งานได้ไม่ครบจำนวนแรมที่เรามีอยู่ ปัญหานี้มีแนวทางการแก้ไขอยู่หลายทางครับ มาดูกันว่าเราจะทำอะไรกับปัญหานี้ได้บ้าง บทความเกี่ยวกับ Windows อื่นๆ 1. ตรวจสอบเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ใช้งานอยู่ ระบบปฏิบัติการ Windows นั้น จะมีทั้งแบบ 32 บิต และ 64 บิต และถ้าหากคุณใช้งานระบบปฏิบัติการแบบ 32 บิต อยู่ล่ะก็ คุณจะสามารถใช้งานแรมได้สูงสุดแค่ 4 GB เท่านั้น ดังนั้น หากคุณมีแรมขนาดใหญ่กว่า 4 GB ก็ควรติดตั้ง Windows ใหม่เป็นแบบ 64 บิต 2.
6 วิธีรีเซ็ตเครื่อง วิธีการ Reset iPhone และ iPad พบปัญหาการใช้ แก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง - YouTube
ขั้นตอนที่ 2: วางนิ้วของคุณบนแถบเลื่อนแล้วปัดไปทางขวา ขั้นตอนที่ 3: เมื่อไม่มีอะไรบนหน้าจอและเปลี่ยนเป็นสีดำให้กดปุ่มค้างไว้ นอน / ตื่น อีกครั้งจนกระทั่งโลโก้ Apple ปรากฏขึ้น มีวิธีอื่นในการรีเซ็ตแบบซอฟต์ คุณยังสามารถไปที่ การตั้งค่า> ทั่วไป แล้วเลื่อนลงไปที่คุณจะพบ ปิดตัวลง. หากคุณแตะ ปิดตัวลง คุณจะเห็นไฟล์ ลากเพื่อปิด ตัวเลื่อน จากนั้นคุณสามารถทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น วิธีรีสตาร์ท iPhone ของคุณ อีกวิธีในการรีเซ็ต iPhone 12 ของคุณคือทำการรีเซ็ตแบบ 'ฮาร์ด' หรือสิ่งที่ Apple เรียกอย่างเป็นทางการว่า 'บังคับให้เริ่มระบบใหม่' แนะนำให้ทำการรีสตาร์ทเมื่อ iPhone ของคุณส่วนใหญ่หรือไม่ตอบสนองอย่างสมบูรณ์เช่นเมื่อหน้าจอค้างหรือเป็นสีดำ อีกครั้งข้อมูลสำคัญจะไม่สูญหาย นี่คือวิธีทำการฮาร์ดรีเซ็ตบน iPhone 12 ของคุณ: ขั้นตอนที่ 1: กดและปล่อยอย่างรวดเร็ว ปรับระดับเสียงขึ้น ปุ่ม. ขั้นตอนที่ 2: กดและปล่อยอย่างรวดเร็ว ลดระดับเสียง ปุ่ม.
Apple แนะนำให้ติดต่อฝ่ายสนับสนุน ถ้ายังพบปัญหาการใช้งานต่อไปนี้ เช่น จอดำหรือจอค้างเป็นสีอื่น หน้าจอสว่าง แต่แตะแล้ว iPhone ไม่ตอบสนอง หรือ iPhone ขึ้นโลโก้ Apple ค้างไม่ไปไหน [4] คุณติดต่อฝ่ายสนับสนุนได้โดยเข้าเว็บ เลือกรุ่น iPhone แล้วทำตามขั้นตอนในหน้าจอ เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้ มีการเข้าถึงหน้านี้ 118, 023 ครั้ง บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
วิธี Hard Reset (Force Reboot) บังคับรีสตาร์ทแก้เครื่องค้าง iPhone ทุกรุ่น - YouTube
บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการบังคับรีสตาร์ท iPhone ที่ค้าง ไม่ตอบสนอง การทำ hard-reset iPhone นั้น ขั้นตอนคือต้องกดปุ่มที่กำหนด ตามรุ่นที่ใช้ ถ้าบังคับรีสตาร์ท iPhone ไม่ได้ผล อาจจะต้องศึกษาวิธีการซ่อมแซมแก้ไขระบบปฏิบัติการเพิ่มเติม โดยเสียบ iPhone กับคอม 1 กดปุ่มเพิ่มเสียง (Volume Up) แล้วปล่อย. ปุ่มนี้จะอยู่ทางซ้ายของเครื่อง แถวๆ ขอบด้านบน ขั้นตอนนี้ใช้ได้กับ iPhone 8, 8 Plus, XR, XS, XS Max, 11, 11 Pro, 11 Pro Max และ iPhone SE (2nd Generation) [1] 2 กดปุ่มลดเสียง (Volume Down) แล้วปล่อย. ปุ่มนี้จะอยู่ทางซ้ายของมือถือ ล่างปุ่มเพิ่มเสียง 3 กดปุ่มด้านข้างค้างไว้. ปุ่มนี้จะอยู่ทางขวาของเครื่อง ให้กดปุ่มนี้ค้างไว้จนโลโก้ Apple โผล่มา 4 พอโลโก้ Apple โผล่มา ก็ปล่อยมือได้เลย. เท่านี้ก็บังคับรีสตาร์ท iPhone ที่ค้างได้แล้ว ถ้า iPhone ยังไม่ยอมรีสตาร์ท ให้ลองเสียบชาร์จทิ้งไว้สัก 1 ชั่วโมง แล้วลองบังคับรีสตาร์ทดูอีกรอบ [2] ถ้ายังรีสตาร์ท iPhone ไม่ได้อีก ให้ข้ามไปอ่าน วิธีการแก้ปัญหาบังคับรีสตาร์ท iPhone ไม่ได้ โฆษณา 1 กดปุ่ม Volume Down และ Sleep/Wake ค้างไว้. ปุ่ม Volume Down หรือปุ่มลดเสียง จะอยู่ทางซ้ายของ iPhone ส่วนปุ่ม Sleep/Wake จะอยู่ด้านบนสุด ให้กดปุ่มที่ว่าค้างไว้พร้อมกัน จนโลโก้ Apple โผล่มา 2 โลโก้ Apple โผล่มาก็เลิกกดได้เลย.