ต้นเงินเต็มบ้าน ต้นเงินเต็มบ้าน ลักษณะใบเป็นรูปไข่ โค้งนิด ๆ หรือมีเหลี่ยมมุมออกเป็นรูปหัวใจ ใบสีเขียวเข้ม ตามลักษณะใบมีลายขีดยาวเป็นทางจาง ๆ ส่วนขอบใบมักจะมีสีเขียวเข้ม หรือเขียวเหลือบเทา มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ส่วนความเป็นมงคลของพืชชนิดนี้ก็เดาได้จากชื่อเลยค่ะ ปลูกแล้วจะช่วยส่งเสริมความสิริมงคลในชีวิต หน้าที่การงาน และเสริมความร่ำรวยให้มีเงินทองกองเต็มบ้านเลยจ้า 4. ต้นโป๊ยเซียน สำหรับผู้ที่ต้องการเรียกโชคลาภให้เข้าบ้าน ต้องปลูกต้นโป๊ยเซียนให้เด่นสง่าตั้งแต่หน้าบ้าน เพราะเราถือกันว่า ต้นโป๊ยเซียนเป็นต้นไม้ของเทพเจ้า 8 องค์ ซึ่งถ้าปลูกไว้ในบ้านก็จะเรียกโชคลาภ เงินทอง บารมี และความผาสุกมาสู่ทุกคนในบ้านนั่นเอง ยิ่งถ้าออกดอก 8 ดอก ก็จะยิ่งมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ 5. ดอกแก้ว ด้วยความขาวบริสุทธิ์ของดอกแก้ว บวกกับความหอมชื่นใจ จึงทำให้ดอกแก้วเป็นไม้มงคลที่คนนิยมนำไปปลูกเพื่อความเป็นสิริมงคลในบ้านอีกต้นหนึ่ง ซึ่งคนไทยโบราณก็นิยมชมชอบทั้งลักษณะดอกแก้ว รวมถึงชื่อ "แก้ว" ที่บ่งบอกความสูงส่ง ดั่งดวงแก้วที่มีค่า ทำให้คนที่นำดอกแก้วไปปลูกในบ้าน จะเป็นคนมีจิตใจผ่องใสบริสุทธฺ์ เป็นที่นิยมชมชอบของคนที่พบเห็นรู้จัก นอกจากนี้ดอกแก้วยังเป็นดอกไม้ที่เหมาะจะนำไปบูชาพระด้วยนะจ๊ะ 6.
"ต้นไม้ที่เกิดรวมกันเป็นป่าดง แต่ละต้นย่อมช่วยปะทะลมพายุให้แก่กันจึงยืนต้นอยู่ได้นานผิดจากต้นไม้ที่เกิดอยู่โดดเดี่ยว แม้จะเป็นไม้เจ้าป่าสูงใหญ่ก็ตาม เมื่อโต้พายุตามลำพัง ย่อมหักโค่นลงโดยง่าย" เช่นกันคนที่มีญาติอยู่พร้อมหน้าก็ย่อมมีผู้คอยช่วยเหลือปะทะมรสุมชีวิตให้ผ่อนหนักเป็นเบา เมื่อเราทำดีมีสุข มีทางเจริญก้าวหน้า ก็มีคนให้ความสนับสนุน ญาติคือใคร? ญาติ แปลว่า คนคุ้นเคย คนใกล้ชิด หมายถึงบุคคลที่คุ้นเคยและวางใจกันได้มี ๒ ประเภทได้แก่ ๑. ญาติทางโลก แบ่งได้เป็น ๒ พวกคือ – ญาติโดยสายโลหิต เช่น ทวด ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา พี่ น้อง หลาน เหลน ฯลฯ (สำหรับพ่อแม่ ลูก ภรรยา สามี ถือว่าเป็นคนที่ใกล้ชิดเรามากที่สุด ขอให้กันไว้ต่างหากเพราะเรามีหน้าที่ต้องปฏิบัติต่อบุคคลเหล่านี้ต่างกันออกไป) – ญาติโดยความใกล้ชิดคุ้นเคย เช่น เป็นเพื่อนสนิทสนมกับเราโดยตรง หรือสนิทสนมกับญาติทางสายโลหิตของเรา ๒.
siamensis อุทัยธานี สะเดา Azadirachta indica var.
อาญา มาตรา 358 และมีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังเป็นการทำละเมิดและต้องชดใช้ค่าเสียหายในทางแพ่งได้อีกต่างหาก เรื่องของเขตแดนแห่งกรรมสิทธิ์และการใช้กรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนเองนั้นตาม ป. พ. มาตรา 1335 บัญญัติไว้ว่า "แดนแห่งกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นกินทั้งเหนือพื้นดินและใต้พื้นดินด้วย" คำว่าเหนือพื้นดินและใต้พื้นดินนั้นไม่ใช่ขอบเขตแต่ก็ถือเอาได้เท่าที่พอจะถือได้ หรือพูดพอเข้าใจว่าสามารถถือเอาได้แค่ไหนก็แค่นั้นไม่มีที่สุด ส่วนเรื่องของการรุกล้ำแดนแห่งกรรมสิทธิ์นั้น ทำอย่างไรจึงจะถือว่าเป็นความผิด และเป็นความผิดของใครนั้นตาม ป. มาตรา 1347 ที่บัญญัติว่า "เจ้าของที่ดินอาจตัดรากไม้ซึ่งรุกเข้ามาจากที่ดินติดต่อและเอาไว้เสียถ้ากิ่งไม้อื่นล้ำเข้ามาเมื่อเจ้าของที่ดินได้บอกผู้ครอบครองที่ดินติดต่อให้ตัดภายในเวลาอันควรแล้วแต่ผู้นั้นไม่ตัดท่านว่าเจ้าของที่ดินตัดเอาเสียได้" นอกจากนี้เรื่องของดอกผลที่ตกหล่นเข้าไปในที่ดินข้างเคียงจะถือว่าดอกผลดังกล่าวเป็นของใครนั้นตาม ป. มาตรา 1348 ที่บัญญัติว่า "ดอกผลแห่งต้นไม้ที่หล่นตามธรรมดาลงในที่ดินติดต่อแปลงใดท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นดอกผลของที่ดินแปลงนั้น" ดังนั้น เรื่องดอกผลหากเจ้าของที่ข้างเคียงเก็บไปก็ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายใด ๆ ตามข้อสันนิษฐานของกฎหมาย แต่ว่าดอกผลเหล่านั้นต้องตกหล่นตามธรรมชาติเท่านั้นนะครับ ถ้าเด็ดจากต้นไม้โดยตรง แม้ขณะเด็ดจะอยู่ ในที่ดินของตนเองก็ตาม ต้องถือว่าคนที่เด็ดได้กระทำผิด และอาจต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำหนดนะครับ.
ดินสอพอง
แม่เหียะ จ. เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 ถึง 31 มกราคม 2550 งานนี้จัดขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี ซึ่งเป็นการรวมเอาเหล่าพรรณไม้เขตร้อนชื้นที่มีความหลากหลายทางสายพันธุ์ที่มากที่สุดในโลก กว่า 2, 200 ชนิด มากกว่า 2. 5 ล้านต้น มาจัดแสดงให้ชม โดยงานระดับโลกอย่างนี้ 10 ปีมีการจัดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก: ดินร่วน อัตรา 1: 2 ผสมดินปลูก 2. การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงสูงขนาด 10- 18 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก: แกลบผุ:ดินร่วนอัตรา 1:1:1 ผสมดินปลูกควรเปลี่ยนกระถาง 1-2 ปี/ครั้ง หรือแล้วแต่ความเหมาะสม เช่น การขยายตัวของราก เมื่อรากแน่นเกินไปก็ควรจะเปลี่ยนกระถาง หรือ เพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินเดิมที่เสื่อมสภาพไป วิธีการดูแลรักษา ดิน ชอบดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย มีความชื้นปานกลางจนถึงสูง ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0. 5-1 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 5-6 ครั้ง น้ำ ต้องการปริมาณน้ำปานกลางจนถึงมาก ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง แสง ต้องการแสงแดดอ่อนรำไร จนถึงแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง อุณหภูมิ ต้นวาสนาเป็นไม้ที่ชอบอากาศหนาวเย็น จึงควรปลูกในอุณหภูมิประมาณ 10-18 องศาเซลเซียส จึงจะเหมาะสม และหากต้องการให้ต้นวาสนาออกดอก ควรปลูกในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส การขยายพันธุ์ วิธีที่นิยมและได้ผลดี คือ การปักชำ โดยการตัดลำต้นเป็นท่อน ๆ ยาวประมาณ 6-8 นิ้ว จากนั้นนำลงแช่น้ำในถาดตื้น ๆ จนแตกหน่อ แล้วจึงนำไปปลูกลงในดิน และหมั่นรดน้ำ เพื่อให้เจริญเติบโตเป็นต้นวาสนาที่สวยงามต่อไป