ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ครับ สำหรับข้อแรกนี้ ก็เป็นการบอกกล่าวกันอย่างตรงประเด็นเลยว่า ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ถ้ามันเป็นเหตุทำให้เกิดปัญหาทางการเงินต่างๆ ตามมา ซึ่งคุณก็อาจจะรู้อยู่แล้วว่า อาจจะจ่ายได้ไม่หมด ต้องเป็นหนี้อย่างแน่นอน ซึ่งการหมุนเงินบัตรเครดิต คือ คุณไม่ได้ชำระหนี้ทั้งหมด คุณจ่ายแค่ 5-10% เท่านั้น (หรือมากกว่า) หนี้ที่ค้างชำระก็จะเพิ่มในเดือนถัดไปเรื่อยๆ คุณจะถูกชาร์จดอกเบี้ย (ประมาณ 2. 5-2. 75% ต่อเดือนแล้วแต่ที่) ตามที่เงินต้นที่ติดค้าง และรวมไปถึงทุกธุรกรรมด้านการเงินที่จ่ายบัตรเครดิต ถ้าคุณมีหนี้ค้างชำระ 10, 000 บาท และคุณออกไปทานข้าวซึ่งมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 800 บาท จำนวนเงินที่คุณค้างชำระจะเป็น 10, 800 บาท และดอกเบี้ยนั้นจะคิดกับเงินต้นที่ 10, 800 บาท ไม่ใช่ 10, 000 บาท ทางออก คือ เลิกใช้บัตรเครดิต เมื่อคุณต้องออกไปช้อปปิ้ง ให้เก็บมันหรือวางมันเอาไว้ที่บ้าน อย่าให้บัตรเครดิตมาเอาชนะชีวิตคุณ ใช้เงินสดแทนหรือสินเชื่ออื่นๆ จนกว่าคุณจะจ่ายหนี้หมด ให้ระลึกเอาไว้ในใจว่า การเป็นหนี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความสุขเลย ทำให้ชีวิตเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป 2.
ของมีชื่อก็ไม่ได้ดีเสมอไป🔖 สินค้าชื่อดังหลายแบรนด์อาจไม่ได้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมากไปกว่าสินค้ายี่ห้อไก่กาที่มีขายอยู่ทั่วไปในราคาต่ำกว่าก็ได้ โดยเฉพาะคนที่ติดใช้แบรนด์เมืองนอก รู้ไหมคะว่าราคาสินค้าที่คุณต้องควักจ่ายไป บวกภาษีนำเข้าอีกเท่าไหร่ ฉะนั้นลองเปิดใจเลือกใช้สินค้ายี่ห้อทั่ว ๆ ไปดูสิคะ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะมือดีได้ของมีคุณภาพในราคาน่าคบหาดูบ้างก็ได้ Original by "well-wisher"
สวัสดีครับ พอดีอ่านเว็บพันทิปมาซักพัก เห็นผู้มีความรู้เยอะเลย พอดี ตัวผมประสบปัญหาการเงินอย่างรุนแรง มีหนี้บัตรเพียบเลย ทั้งเครดิต ทั้งบัตรกดเงินสด ใช้จ่ายไม่พอ อยากทราบใครพอวิธีที่จะช่วยให้ผมปลดหนี้ได้บ้างครับ รายละเอียดนะครับ ผมเป็นพนักงานบริษัท มีเงินเดือน 17700 บาท แต่มีหนี้ บัตร 1. First Choice 24952 บาท 2. บัตรพาวเวอร์บาย 60070 บาท 3. บัตรกดเงินสด K-express 12370 บาท 4. บัตรเครดิตกสิกรไทย 5756 บาท 5. บัตร UMay+ 36000 บาท แต่มีหน้าที่ช่วยเหลือทางบ้านอีกเดือนละ 10800 บาท ซึ่งไม่สามารถจะลดเงินตรงจุดนี้ได้เลย เพราะที่บ้าน ตอนนี้ทำงานเป็นหลักครับ จากหนี้ที่มี แค่ค่าจ่ายขั้นต่ำก็หมดแล้ว ไม่พอใช้ต่อเดือนเลย มีวิธีไหน พอจะทำให้ผมใช้ชีวิตได้ปกติสุขขึ้นบ้างครับ ช่วยแนะนำผมหน่อยครับ ขอบคุณมากครับ ปล. ผมเพิ่งเขีนกระทู้เป็นครั้งแรก ถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ
ดอกเบี้ยของแต่ละบัตรต่อปีเท่าไร? ทุกวันนี้ ชำระขั้นต่ำต่อเดือนเท่าไร?
ค. 2564
หลังจากที่พี่ทุยเปิดโอกาสให้แฟนๆ Money Buffalo ได้มาแชร์เรื่องราว #ประสบการณ์ปลดหนี้ ของตัวเองเพื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆกันไป ก็ได้มีแฟนเพจที่น่ารักที่ชื่อว่า Rattanaporn Leenawat มาแชร์ประสบการณ์ "ปลดหนี้บัตรเครดิต" ให้พวกเราได้อ่านกัน ลองมาอ่านกันเลยดีกว่า ว่าจะได้แนวคิดดี ๆ อะไรกลับไปบ้าง? เริ่มเลยยยย!
ขายความสามารถพิเศษ🧣 ใครที่ใช้ของได้คุ้มจนไม่มีของเหลือใช้เอาไว้ขายก็ไม่ต้องน้อยใจไปค่ะ เพราะหากคุณมีความสามารถด้านอื่น เช่น มีทักษะด้านงานศิลปะ ดนตรี คอมพิวเตอร์ หรือมีทักษะด้านงานเขียนและการใช้ภาษา คุณสามารถดึงข้อได้เปรียบเหล่านี้มาสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ตัวเองได้เช่นกัน อย่างวาดรูปการ์ตูนเป็นสติ๊กเกอร์ไลน์ วาดภาพประกอบ เล่นดนตรีเปิดหมวกหรือที่ร้านอาหาร ไม่ก็รับจ้างแปลบทความส่งสำนักพิมพ์ เป็นต้น 8. ลิสต์รายการช้อปปิ้งในแต่ละเดือน📑 ในกรณีที่คุณต้องการควบคุมตัวเองให้ช้อปปิ้งอย่างประหยัด ลองลิสต์รายการสิ่งของที่อยากได้ก่อนไปช้อปปิ้งคร่าว ๆ ก่อนสิคะ แล้วอ่านทวนซ้ำอีกรอบว่าของที่เราอยากได้นั้นมีความจำเป็นกับเรามากน้อยแค่ไหน จากนั้นจึงค่อย ๆ ตัดรายการของใช้ฟุ่มเฟือยออกไป แต่ทั้งนี้ควรซื่อสัตย์กับตัวเองหน่อยนะ พวกข้ออ้างต่าง ๆ ที่ชอบใช้ตอนอยากช้อปก็ขอให้ลืม ๆ ไปซะให้หมด 9. ซื้อของในตลาด🛍️ จำได้ไหมเอ่ยว่าคุณเดินตลาดครั้งสุดท้ายเมื่อไร เพราะยุคสมัยนี้ผู้คนก็มักจะจับจ่ายของใช้ในห้างเป็นส่วนใหญ่ ทั้งที่จริงแล้วสินค้าในตลาดบางอย่างถูกกว่าราคาในห้างตั้งเยอะเชียวนะคะ ถ้าอย่างนั้นลองเดินสำรวจราคาของในตลาดกันบ้าง 10.
ทำ สรุปรายรับ-รายจ่ายประจำเดือน คือเป็นมนุษย์เงินเดือนไงคะ รายรับมีเท่าเดิมตลอด แต่รายจ่ายนี่สิทำยังไงดี? เงินเดือนเรา 2 คนตอนนั้น รวมๆกันประมาณ 6 หมื่นบาท แต่เรามีภาระกันเยอะมาก ทั้งผ่อนบ้าน ส่งให้แม่ 2 คน จ่ายค่าเลี้ยงลูก ค่านม แพมเพิส ค่าผ่อนรถยนต์ (มีรถยนต์กันคนละคัน) สรุปหลังจากหักรายจ่ายหลักๆออก เราเหลือเงินใช้กันคนละ 5, 000 บาท >> แต่เราก็ดีใจนะ เพราะก่อนหน้านี้ต้องจ่ายบัตรเครดิต เราไม่เหลือเงินเลย แถมยังขาดอีกต่างหาก 4.
แต่ก็เลือกไม่ได้แหละ เพราะตอนนี้ค่าใช้จ่ายยาวเป็นหางว่าวเลย แต่ที่ทำงานใหม่พอผ่านโปร ก็มีสวัสดิการพนักงาน ให้กู้เงินได้ 10 เท่าของเงินเดือน ก็ไม่รอช้า ตัดสินใจกู้มาปิดบัตรบางส่วน เพื่อที่จะผ่อนทีเดียว แต่ก็ดันกลับไปใช้บัตรเดิมจนเต็มวงเงินอีกรอบ (พี่ทุยขออนุญาตตีได้ไหมเนี่ย!! ) ตอนนี้ก็เลยมีหนี้รวม 11 รายการ เป็นเงิน 1 ล้านบาท เรียกได้ว่าชีวิตวุ่นวายเลยทีเดียว ถึงคราวที่ต้องปล่อยวางล่ะ หลังจากนั้นก็โดนทวงหนี้ทุกรูปแบบเช้า กลางวัน เย็น แต่ช่วงที่เลวร้ายที่สุด คือ การที่เงินเดือนออกมา ก็หมดไปกับค่ารถ ค่าสินเชื่อ ค่าบ้าน ผ่อนญาติ หักประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หักภาษี เบ็ดเสร็จคือติดลบ ร้องไห้!!